การเย็บปักแบบชาวไทดำเป็นภูมิปัญญาที่น่าศึกษาค้นคว้าของภาคอีสาน ด้วยเทคนิคการเย็บปักลวดลายหลายแบบที่เป็นสิ่งที่มีอยู่ในวัฒนธรรมชาวไทดำที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านนาป่าหนาด อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย มาค้นพบเรื่องราวของาเทคนิคการเย็บปักแบบชาวทดำในบทความนี้!
ความเป็นมาของภูมิปัญญา
ภูมิปัญญาในการเย็บปักผ้ามีความสำคัญอย่างมากในชีวิตของชาวไทดํา ในปัจจุบันชาวไทดําในจังหวัดเลยยังคงถือเทคนิคการทอผ้ามัดหมี่และการเย็บปักเป็นมรดกภูมิปัญญาที่แพร่หลายในภาคอีสาน โดยมีการทอ “ซิ่นนางหาญ” (ผ้ามัดหมี่ 10 ลายในผืนเดียว) และการทอขิดเป็นการเลือกใช้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงฟื้นฟูภูมิปัญญาการปักผ้าในช่วงนี้ ซึ่งยังต้องนำผ้าปักมาจากเครือญาติไทดําที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (จังหวัดเพชรบุรี) และประเทศเวียดนาม (เดียนเบียนฟู) มาใช้ในการแต่งกาย

เทคนิคการเย็บปักแบบ “ปะต่อชิ้นผ้า” (Patchwork)
เทคนิคการเย็บปักแบบ “ปะต่อชิ้นผ้า” เป็นหนึ่งในวิธีการเย็บปักที่ยอดนิยม ด้วยการเย็บปักด้วยวิธีนี้จะใช้สีสันสดใสบนผืนผ้าฝ้ายทอมือที่ย้อมสีครามเข้ม ให้กลายเป็นเกือบดํา ลวดลายที่ปักแล้วมักมีการติดกระจกชิ้นเล็กๆ ตรงกลางลวดลายเพื่อให้มีความสวยงามและเกิดการสะท้อนแสง ซึ่งในภาษาไทยจะเรียก “เบาะ” ซึ่งแปลว่า “ดอก” การตั้งชื่อลวดลายให้กับผ้าปักนี้มีหลากหลายแบบ เช่น “ลายเบาะพรหม” “ลายเบาะงา” “ลายเบาะจิน” “ลายเบาะแปด” “ลายเบาะตาเวน” “ลายเบาะบัวขาแก้ว” “ลายเบาะบานาย” และ “ลายเบาะมะลิ” เป็นต้น
เทคนิคการเย็บปักแบบ “ปักห่วงโซ่” (Chain-stitch)
เทคนิคการเย็บปักแบบ “ปักห่วงโซ่” เป็นเทคนิคการเย็บปักอีกหนึ่งแบบที่นิยมเลือกใช้ ผ้าปักที่ใช้ในเทคนิคนี้นิยมใช้ลวดที่มีสีสันสดใส เช่น สีแดง สีเขียว สีส้ม และสีขาว มาะปักบนผืนผ้าที่ย้อมสีครามเข้ม เมื่อปักแล้วจะช่วยให้ช่างเย็บปักสามารถแยกสีสันได้ง่ายขึ้น ทำให้ผลงานปักเป็นผลงานที่สวยงาม

สรุป
การเย็บปักแบบชาวไทดําเป็นศิลปะภูมิปัญญาที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของภาคอีสานในประเทศไทย ด้วยการนิยมใช้ 2 เทคนิคการเย็บปักแบบ “ปะต่อชิ้นผ้า” และ “ปักห่วงโซ่” ทำให้ผ้าปักมีความสวยงามและมีความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละลวดลาย อีกทั้งภูมิปัญญาการเย็บปักนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาและถ่ายทอดวัฒนธรรมในประเทศไทยรวมถึงประเทศเวียดนามอีกด้วย โดยการนำผ้าปักมาใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาหรืองานเทศกาลต่างๆ
ขอบคุณแหล่งที่มา:หนังสือมรดกภูมิปัญญา สิ่งทออีสาน

