แน่นอนว่า ไหมเป็นเส้นใยธรรมชาติที่ผลิตโดยหนอนไหม จากกระบวนการเลี้ยงไหม ในทางกลับกัน เส้นใยสังเคราะห์เป็นวัสดุที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยผ่านกระบวนการทางเคมี ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อเลียนแบบคุณสมบัติของเส้นใยธรรมชาติเช่นผ้าไหม แต่ไม่ได้มาจากแหล่งธรรมชาติ เส้นใยสังเคราะห์มักทำจากโพลิเมอร์ที่ได้จากปิโตรเลียมหรือสารเคมีอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบเส้นใยสังเคราะห์กับผ้าไหม ปัจจัยต่างๆ ที่ต้องพิจารณา ได้แก่ พื้นผิว ความมันเงา การระบายอากาศ ประกอบกัน
ผ้าไหมแท้ดูอย่างไร
ขั้นตอนที่ 1: สังเกตเบื้องต้น
ตรวจเช็คความแตกต่างของไหมเนื้อเรียบกับไหมเนื้อหยาบ
- ผ้าไหมที่เนื้อละเอียดมีเส้นไหมเล็กซึ่งมีความเงาและอาจมีขี้ไหมหรือปมไหมอยู่บ้าง แต่ไม่มาก เป็นธรรมชาติแท้ของไหม
- ผ้าไหมเนื้อหยาบจะมีความเงาน้อยลงมากแต่มีขี้ไหมอยู่ทั่วทั้งผืน เป็นเอกลักษณ์
- ความเงาและขี้ไหมสามารถเลียนแบบให้ใกล้เคียงกันได้ในปัจจุบัน แต่โครงสร้างและความโปร่งใส่สบายยังไม่สามารถเลียนแบบธรรมชาติได้
- เส้นไหมมีความเหลือบเงา ผ้าผืนเดียวกันสามารถเห็นสีได้หลากหลายขึ้นอยู่กับค่าแสงในขณะนั้น
ขั้นตอนที่ 2: ดึงเส้นใยทั้งแนวนอนและแนวตั้ง
ตรวจเช็คการผสมเส้นใยสังเคราะห์ที่เป็นไปได้
- ถ้าเส้นใยหดตัวเล็กน้อยช้าๆ และไม่เป็นก้อนเหมือนเส้นใยสังเคราะห์ นั่นเป็นสัญลักษณ์ของเส้นใยไหมแท้
- การดึงเส้นใยจากผ้าทั้งในแนวตั้งและแนวนอนเพื่อตรวจสอบการหดตัวของเส้นใย เนื่องจากบางครั้งการปลอมจะเป็นเส้นใยสังเคราะห์ทางทอหรือแนวนอน แต่ทางยืนหรือแนวตั้งจะเป็นเส้นใยไหมจริง
ขั้นตอนที่ 3: สังเกตความเปราะของเส้นใยและกลิ่น
ทำการทดสอบการเผาไหม้แบบควบคุม การรับรู้กลิ่นและลักษณะของผ้าไหมแท้
- เส้นใยของผ้าไหมแท้จะเป็นเส้นใยธรรมชาติที่มีโครงสร้างที่เล็กเมื่อถูกไฟ จะเปราะเมื่อใช้นิ้วขยี้ก็จะแตกเป็นเถ้า โดยทั่วไปจะไม่มีกลิ่นเหม็นมาก และมีกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ
- ถ้าเป็นไหมสังเคราะห์ จะมีกลิ่นเหมือนพลาสติกไหม้และจะไม่เป็นเถ้าหรือผง แต่จะหดตัวและเป็นก้อนติดกัน เนื่องจากเส้นใยสังเคราะห์จะมีส่วนผสมทางเคมี
นี่คือขั้นตอนพื้นฐานที่คุณสามารถใช้เพื่อตรวจสอบว่าผ้าไหมเป็นผ้าไหมแท้หรือไม่ อย่าลืมว่าการใช้เทคนิคเหล่านี้ร่วมกับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผ้าไหมแท้จะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นในการระบุผ้าไหมที่แท้จริง