เทคนิคการค้ำเพา ถือเป็นการทอผ้าที่เป็นศิลปะและภูมิปัญญาอันเก่าแก่ของชาวอีสานในประเทศไทย ในบทความนี้เราจะคุณผู้อ่านไปรู้จักกับเทคนิคค้ำเพาและวิธีการทอผ้าดั้งเดิมของชาวอีสานอันน่าทึ่ง!
เทคนิคค้ำเพา
เทคนิคการค้ำเพาหรือการเหยียบเป็นการใช้ตะกอที่มีลักษณะน่าสนใจในการทอผ้า โดยทั่วไปจะใช้จำนวนตะกอประมาณ 4 – 8 ตะกอเท่านั้น หากมีจำนวนตะกอมากกว่านี้ เราก็จะเรียกว่าการ “ยก” ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาการทอผ้าที่เป็นทางการของชาวอีสาน ในแถบบนของอีสานนิยมใช้เส้นใยฝ้ายในการทอผ้า ส่วนแถบล่างนิยมใช้เส้นใยไหม การทอด้วยเทคนิคการ “เหยียบ” ของชาวภูไทนั้นจะนิยมทอเป็นผ้าห่ม เทคนิคนี้ช่วยให้เนื้อผ้าแน่นและหนากว่าการทอผ้าด้วยตะกอธรรมดา ส่วนชาวไทยเชื้อสายกูยและเชื้อสายเขมรในจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษนิยมทอเป็นผ้าตัดเสื้อและผ้าเบี่ยง น่าจะได้รับการสืบทอดเทคนิคการทอผ้าแบบนี้จากบรรพบุรุษของชุมชน ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและเป็นที่นับถือในภูมิภาคนี้
เทคนิคการเหยียบ
ในเทคนิคการเหยียบเปิดตะกอที่แตกต่างกัน จะทำให้เกิดลวดลายที่นูนขึ้นแบบต่างๆ ส่วนที่เรียกว่า “เหยียบตะกอสลับเพื่อทอส่วนต่อไป” จะต้องสอดกระสวยเส้นพุ่ง ตีกระทบพื้ม ตีกระทบพื้มซ้ำ แล้วจึงเหยียบตะกอสลับเพื่อทอส่วนต่อไป ซึ่งจังหวัดของการสอดเส้นพุ่งนี้ ที่มีการสลับระยะห่างไม่เท่ากัน จะทำให้เกิดลวดลายที่นูนขึ้นตามแบบแผนที่ต้องการ
ลวดลายบนผืนผ้า
ในการทอผ้าด้วยเทคนิคค้ำเพา ลายที่เกิดขึ้นจะมีความหลากหลาย โดยลายที่นิยมทอส่วนใหญ่คือ “ลายลูกแก้ว” ที่มีรูปทรงคล้ายทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด นอกจากนี้ยังสามารถเหยียบตะกอทอเป็นลายอื่นๆ เช่น “ลายเมล็ดพริกไทย” ซึ่งเป็นที่นิยมอีกแบบหนึ่ง การทอผ้าด้วยเทคนิคนี้ไม่ใช้เส้นพุ่งพิเศษ ดังนั้นหากเส้นลวดลายที่นูนขึ้นเกิดการขาดเสียหาย จะเป็นความเสียหายของเนื้อผ้าโดยตรง ต่างจากผ้าที่ทอด้วยการเสริมเส้นพุ่งพิเศษที่เมื่อเส้นพุ่งพิเศษขาดหายไป เนื้อผ้าก็ยังคงคงความสมบูรณ์อยู่
สรุป
เทคนิคการค้ำเพาถือเป็นเทคนิคการทอผ้าที่ชาวอีสานของประเทศไทยใช้ในการทอผ้าและสร้างสรรผลงานผ้าทอที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเทคนิคนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของแดนอีสานในประเทศไทยทีมีเสน่ห์และน่าดึงดูด
ขอบคุณแหล่งที่มา:หนังสือมรดกภูมิปัญญา สิ่งทออีสาน