แพรวาไหม วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของสาวชาวผู้ไท

ผ้าแพรวาไหม คือเครื่องแต่งกายที่เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมและความเป็นเอกลักษณ์ของสาวชาวผู้ไท ไม่เพียงแต่ผ้าแพรวาจะเป็นผ้าทอที่มีความสง่างามในตัวเองเท่านั้น แต่ผ้าแพรวายังมีเรื่องราวและประเพณีที่ยากที่จะหาในที่อื่นของไทย ในบทความนี้ทางเราพาคุณไปค้นพบเรื่องราวและลักษณะเฉพาะของแพรวาไหม รวมถึงความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติของผ้าผืนนี้

ดั้งเดิม “ผ้าแพรวา” เป็นผ้าเบี่ยงหรือผ้าสไบ สีแดงเข้มที่มีหน้าแคบเพียง ๑ ศอก คําว่า “แพร” หมายถึง ไหมหรือผ้าไหม “วา” คือความยาว ๑ วา แพรวา จึงหมายถึง ผ้าสไบหน้าแคบทีมีความยาว ๑ วา

ผ้าแพรวา เป็นผ้าทอชนิดเดียวที่ใช้เทคนิคการทอผสมผสานระหว่างการเก็บขิดผสม การจกลาย (เกาะลาย) มาแต่โบราณและมีรูปแบบลวดลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผ้าแพรวา บางส่วนเป็นแบบดั้งเดิม บางส่วนเป็นแบบที่ถูกพัฒนา ซึ่งสามารถจําแนกได้ ๓ ประเภท คือ แพรวาเกาะ แพรวาล่วง และแพรวาจกดาว

  • แพรวาเกาะ: เป็นการทอให้มีลวดลายที่หลากสีเป็นช่วง ๆ โดยใช้เทคนิคจกเส้นยืนด้วยปลายนิ้ว
  • แพรวาจกดาว: เป็นการทอที่พัฒนามาจากแพรวาล่วง ส่วนใหญ่ใช้เส้นพุ่งสีเดียว แต่เพิ่มการจกลายขนาดเล็ก ๆ ด้วยสีที่แตกต่างเป็นจุดห่าง ๆ กัน คล้ายดวงดาว
  • แพรวาล่วง: เป็นการทอโดยใช้ลวดลายเช่นเดียวกันกับแพรวาเกาะ แต่ใช้เส้นด้ายพุ่ง สีเดียวในส่วนที่เป็นลวดลาย ส่วนใหญ่ลวดลายใช้สีเข้มกว่าส่วนพื้น

ประวัติของผ้าไหมแพรวา

เมื่อย้อนหลังไปกว่า ๔๐ ปี ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ผ้าแพรวายังอยู่ในยุคตกต่ํา ไม่มีใครสนใจเรื่องราวของผ้าแพรวา ไม่มีลูกหลานสืบทอดการทอผ้าไหมแพรวา เพราะเป็นเรื่องยากยิ่ง มีผ้าแพรวา เพียงบ้านละผืนสองผืนเท่านั้น คนทอเป็นก็มีอายุมากกันทั้งนั้น จวบกระทั่งเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๐ เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดําเนินทรงเยี่ยมพสกนิกรชาวอําเภอคําม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ (เขตพื้นที่สีแดง คอมมิวนิสต์) ในวันนั้นชาวบ้านผู้ไทนับสิบ ล้วนแต่งกายแบบผู้ไทเต็มยศ ห่มสไบเฉียงแพรวาสีแดง นุ่งผ้าไหมมัดหมี่ตีนซิ่น เสื้อแขนกระบอก สีดําและคราม ฝ่ายชายก็นําผ้าแพรวาแดงมาพาดเป็นผ้าขาวม้า มาเฝ้าฯ รับเสด็จ ดูโดดเด่น ลวดลายวิจิตรสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น ทรงมีความสนพระราชหฤทัยอย่างมาก และทรงทราบว่า จะไม่มีผู้สืบสาน การทอผ้าแพรวาไว้แล้วด้วย จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีการสนับสนุน โดยทรงขอให้ชาวบ้านโพนหันมาสนใจและช่วยสอนให้มีการทอแพรวาเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ทั้งได้พระราชทานเส้นไหมให้นําไปทอแพรวารูปแบบเดิม ระยะต่อมาก็ให้มีการพัฒนารูปแบบจากหน้าผ้ากว้าง ๑ ศอก ให้เป็นครึ่งวา และความยาว ๑ วา ให้เป็นผ้าที่ยาวขึ้น เดิมสีแดงก็ให้ทอเป็นหลากสี ทั้งนี้เพื่อให้นําไปใช้ตัดเสื้อ ตัดชุดได้แบบอเนกประสงค์ รวมทั้งพระองค์ท่านก็ทรงนํามาใช้เป็นฉลองพระองค์ด้วย และเพื่อให้การอนุรักษ์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมนี้ไว้อย่างยั่งยืน จึงโปรดเกล้าฯ รับงานทอผ้าแพรวาของชาวผู้ไทบ้านโพน อําเภอคําม่วง เข้าไว้ในโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ ทําให้ผ้าไหมแพรวาได้รับการพัฒนาเป็นรูปธรรมสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

สรุป

ผ้าแพรวาไหมไม่เพียงแค่เป็นผ้าทอแบบไทยที่มีความสวยงาม แต่เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมและความเป็นเอกลักษณ์ของสาวชาวผู้ไท ผ้าไหมแพรวาเป็นผลงานทอผ้าที่มีความหลากหลาย และนำเสนอแนวทางการสวมใส่และสร้างสรรค์ในสไตล์ของคุณเอง แพรวาไหมเป็นสิ่งมีค่าทางวัฒนธรรมที่ควรรักษาและสนับสนุนต่อไป เพื่อให้ความเป็นเอกลักษณ์และความสง่างามของวัฒนธรรมไทยอย่างยั่งยืน

อ้างอิง:https://www.chobmai.com/article/95/%E0%B8%9C%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B2-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%97