ศิลปะผ้าไทยเป็นสมบัติที่มีความสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย ในประเทศไทยมีผ้าทออยู่หลากหลายชนิด แต่ผ้ายกพุมเรียงหรือผ้ายกเมืองนครนับเป็นผ้าทอที่น่าพูดถึงว่ามีความสง่างามและเป็นเอกลักษณ์ต่อศิลปะผ้าไทยมากที่สุด บทความนี้จะนำเสนอเกี่ยวกับประวัติและความสำคัญของผ้ายกพุมเรียงหรือผ้ายกเมืองนครที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและศิลปะทอผ้าในวัฒนธรรมไทย
ผ้ายกพุมเรียง/ผ้ายกเมืองนคร
ผ้ายกพุมเรียงเป็นชื่อที่เป็นที่รู้จักด้านความสวยงามและความซับซ้อนของศิลปะผ้าไทย ประเทศไทยมีช่างทอผู้ชำนาญการเฉพาะในการทอผ้ายกพุมเรียงอยู่น้อยมาก และแม้ว่าจะเอาชื่ออำเภอพุมเรียงจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาตั้งเป็นชื่อเรียกผ้า แต่ภูมิปัญญาและเทคนิคในการทอเชิงเส้นทั้งหลายนั้นกลับมีต้นกำเนิดมาจากหัวเมืองนครศรีธรรมราช อีกทั้งยังมีการรับความรู้เทคนิคการทอมาจากช่างชาวอินเดียด้วย ผ้ายกพุมเรียงเป็นผ้าทองที่ถูกสานเข้าไปในเนื้อผ้า ทำให้เกิดลวดลายที่มีความซับซ้อนและสวยงาม
ความสำคัญ
ผ้ายกพุมเรียงมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและศิลปะในประเทศไทยอย่างมาก มีบทบาทในงานพิธีสำคัญของราชสำนักและที่ทำการทางศาสนา ผ้าเหล่านี้มักถูกนำมาใช้ในการร่ายรำชักกระสิทธิ์ หรือในงานเฉลิมพระเกียรติ เป็นการแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์และความงามของศิลปะไทยที่เราได้รับมา
การทอ
ในอดีตการทอผ้ายกพุมเรียงนับว่ายากลำบากมากและต้องใช้ความชำนาญสูง โดยการใช้ ‘หูก’ เป็นเครื่องมือหลักในกระบวนการทอและเก็บลวดลาย การทอผ้าเหล่านี้อาจใช้เวลานานเป็นปีในการทอเพียงผืนเดียว จนกระทั่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ทำให้สามารถลดระยะเวลาในการทอลงมา
การสืบสานผ้ายกพุมเรียงหรือผ้ายกเมืองนคร
แม้ว่าศิลปะและการทอผ้ายกพุมเรียงหรือผ้ายกเมืองนครจะมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและศิลปะในประเทศไทย แต่สิ่งเหล่านี้กลับกำลังสูญหายไป เนื่องจากจำนวนช่างทอที่มีความรู้เหลืออยู่น้อยมาก ทำให้ผ้ายกพุมเรียงหรือผ้ายกเมืองนครกำลังสูญหายไป แต่อย่างไรก็ดีความงามและความเป็นเอกลักษณ์ของผ้าทอนี้จะยังคงอยู่กับวัฒนธรรมไทยต่อไป
ขอบคุณแห่งที่มา
สานด้าย เป็น ลายศิทป์