การเย็บปักของชาวภูไทถือเป็นศิลปะและงานฝีมือที่มีความเป็นเอกลักษณ์อันน่าทึ่งในภาคอีสานของประเทศไทย งานเย็บปักนี้มีลักษณะเฉพาะที่ดูได้จากลวดลายบนผืนผ้า ซึ่งในบทความนี้เองเราจะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับภูมิปัญญาของการเย็บปักแบบชาวภูไท
เย็บปักแบบชาวภูไท
การเย็บปักของชาวภูไทเป็นงานฝีมือที่น่าทึ่งและเป็นเอกลักษณ์ของภาคอีสาน ซึ่งมาจากการเย็บและปักผ้าด้วยมือ ชาวภูไทเรียกกระบวนการนี้ว่า “แล้ว” ซึ่งถูกสันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลกรุง รัตนโกสินทร์ แม้ว่าชาวภูไทและชาวไท-ลาวจะสวมใส่เสื้อนานมาแล้ว แต่เมื่อก่อนการเย็บปักนั้นอาจจะไม่มีการตกแต่งด้วยลวดลายซับซ้อน การเย็บปักหรือ “แล้ว” เสื้อของชาวภูไทอาจจะมีอยู่ใน 3 แบบ คือ
- การเย็บแบบ “เย็บเกี่ยว”: เมื่อเย็บแล้วส่วนวงแขนและด้านข้างเสร็จแล้ว ก็จะเย็บแล้วปลายแขนเสื้อ โดยพับออกด้านนอกเหมือนตะเข็บอื่นๆ เพื่อมาพับเย็บแล้วเก็บซ่อนตะเข็บ เทคนิคการเย็บแบบซ่อนตะเข็บนี้ถือเป็นภูมิปัญญาที่ชาญฉลาด เพราะช่วยลดปัญหาแก่ผู้สวมใส่ที่เกี่ยวกับผิวสัมผัสด้านในของเสื้อ และช่วยให้ผู้สวมใส่เสื้อไม่ระคายเคืองกับตะเข็บเสื้อผ้า เนื่องจากตะเข็บถูกซ่อนไว้ด้านนอกเสื้อ
- การเย็บแบบ “เย็บข้าวตั๊กแตน”: เป็นเทคนิคการเย็บที่มีลวดลายที่คล้ายกับข้าวตั๊กแตน เย็บเส้นด้ายสีสันต์หลากสีเข้ากับเนื้อผ้า ทำให้ผ้าเสื้อสวยงามและสดใส การใช้สีสันต์ที่เนื้อผ้าสวยงามเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเย็บแล้วแสดงความสวยงามของเสื้อ
- การเย็บแบบ “แส่ว-ด้น”: การเย็บแบบนี้จะมีลวดลายที่เรียงต่อกันแบบแสดงสายตา สามารถใช้เส้นด้ายสีสันต์ที่ตัดกับสีครามของเนื้อผ้า ช่วยให้เส้นด้ายเย็บได้ชัดเจนและง่ายต่อการทำงาน อย่างไรก็ตามในสมัยก่อนชีวิตของชาวผู้ไทยและภูไทยไม่มีไฟฟ้าใช้ การเย็บเสื้อเมื่อค่ำคืนก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องรอแสงแดดในเวลากลางวัน
ภูมิปัญญาการเย็บปัก
ภูมิปัญญาการเย็บปักของชาวภูไทมีสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ และถือเป็นศิลปะที่น่าศึกษาค้นคว้าและทำความเข้าใจ เสื้อผ้าที่เย็บปักแล้วของชาวภูไทโบราณ ทำให้เราได้เห็นรูปแบบการสว่มใส่เสื้อผ้าที่มีความสวยงามและดูโดดเด่นกันในอดีต
ขอบคุณแหล่งที่มา:หนังสือมรดกภูมิปัญญา สิ่งทออีสาน