วิธีการนุ่งผ้าซิ่นเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในชุมชนลุ่มแม่น้ำโขงในประเทศไทย นี่ถือมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่นับถือและสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในบทความนี้เราจะสำรวจและอธิบายถึงหลักฐานตัวอย่างของผ้าอีสานโบราณที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาในการแต่งกายของชาวอีสาน โดยเน้นที่วิธีการนุ่งผ้าซิ่นแบบการ “นุ่งซิ่น” ร่วมกัน และวิธีการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของชาวอีสาน
การนุ่งผ้าซิ่น
การนุ่ง “ผ้าซิ่น” เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวอีสานในลุ่มแม่น้ำโขงและถือเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (Intangible Cultural Heritage) ของชุมชนในพื้นที่นี้ ตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งการนุ่งซิ่นเป็นส่วนสำคัญในการแต่งกายของผู้หญิงอีสานทุกชาติพันธุ์ การนุ่งซิ่นประกอบด้วย “ซิ่นซ้อน” (underwear skirt) ที่ชั้นใน ซึ่งเป็นซิ่นฝ้ายสีขาวที่เรียกว่า “ซิ่นก่อน” (สีอ่อน สีขาว) เพื่อป้องกันความสกปรกจากเหงื่อไคลของร่างกายและป้องกันแสงแดดที่จะส่องทะลุจากภายนอก ทําให้ดูสุภาพเรียบร้อย ชาวอีสานเชื่อกันว่า การนุ่งซิ่นชั้นเดียวผ่านห้องเปิง (ห้องนอนของลูกชายที่ไม่มีการกั้นห้อง) จะเป็นการละเมิดธรรมเนียมของชาวอีสานสวยงามแบบเดียว
การนุ่งผ้าซิ่นในแต่ละชุมชนของภาคอีสาน
แต่ละพื้นที่ในเขตภาคอีสานตอนล่างอาจมีวิธีการนุ่งซิ่นที่แตกต่างกัน บางกลุ่มชนนิยมใช้ซิ่นไหมนุ่งซ้อนกันสองผืน แทนซิ่นก่อนที่ทอจากเส้นใยฝ้าย สำหรับวิธีการนุ่งซิ่นแบบเหน็บเอวไว้ง่ายๆ หรือใช้เข็มขัดเงินคาดเอว ให้แน่นไม่หลุดออกง่าย เนื่องจากการเดินทางไปทำบุญที่วัดในเวลาใกล้ชิด การตัดเย็บเสื้อให้ใช้ร่วมกับผ้าซิ่นก็ได้แพร่หลายแล้วในยุคโบราณ แต่ละพื้นที่จะมีลวดลายผ้าต่างกันไป
การนุ่งซิ่นแบบ “ป้ายทบ” ในภาคอีสาน
ในภาคอีสาน กลุ่มชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ เช่น กลุ่มชาวไท-ลาว กลุ่มชาวภูไท (ผู้ไทย) กลุ่มชาวไท-ญ้อ กลุ่มชาวไท-แสก กลุ่มชาวไทโส้ กลุ่มชาวไท-กะเลิง กลุ่มชาวไท-ข่า กลุ่มกูย (ส่วย) และกลุ่มชาวไทยเชื้อสายเขมร จะแต่งกายด้วยวิธีการนุ่งแบบ “ป้ายทบ” ซึ่งแบ่งเป็น “ป้ายทบซ้าย” และ “ป้ายทบขวา” ตามความถนัดของแต่ละบุคคล การนุ่งแบบนี้จะทำให้ด้านหน้าของผ้าสั้นกว่าด้านหลัง ทำให้ง่ายต่อการเดินทางและทำงานในไร่นา การแบ่งส่วน “หัวซิ่น” อยู่ด้านบน ส่วน “ตัวซิ่น” อยู่ช่วงขา และส่วน “ตีนซิ่น” อยู่ส่วนล่างสุด เพื่อให้การนุ่งซิ่นเข้ากับวัฒนธรรมและเคร่งครัดของชาวอีสานภูมิปัญญาในการแต่งกายอย่างเคร่งครัด
วิสัยทัศน์และความเชื่อ
กลุ่มชาติพันธุ์ไทดําที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนาป่าหนาด ตําบลเขาแก้ว อําเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ยังคงรักษาธรรมเนียมในการแต่งกายอย่างเคร่งครัด ซึ่งมีลักษณะการนุ่งซิ่นแบบดั้งเดิม คือ การนุ่งแบบ “ป้ายไขว้เกยด้านหน้า” โดยการนุ่งให้ด้านหน้าสั้นกว่าด้านหลัง ทำให้การเดินทางในไร่นาสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ชาวไทดํายังยึดถือธรรมเนียมในการแต่งกายอย่างเคร่งครัด โดยเชื่อว่าชีวิตหลังความตาย ดวงวิญญาณจะได้กลับไปพบญาติพี่น้อง จึงจําเป็นต้องแต่งกายนุ่งซิ่นแบบวิธีดั้งเดิมเพื่อจะที่จํากันได้
สรุป
การนุ่งผ้าซิ่นเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในชุมชนลุ่มแม่น้ำโขงในประเทศไทย และถือมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่นับถือและสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในแต่ละพื้นที่ของภาคอีสานจะมีการนุ่งผ้าซิ่นที่ต่างกันออกไป แต่ทุกวิธีก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันและมีความหมายทางวัฒนธรรม