ผ้าขาวม้านับเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของวัฒนธรรมภาคอีสานของประเทศไทย ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ในภูมิภาคนี้มีภูมิปัญญาการทอผ้าขาวม้าอยู่ทั่วไป เนื่องจากเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย และในบทความนี้เราจะมาบอกวิธีการใช้งานผ้าขาวม้าและค้นพบภูมิปัญญาในการทอผ้าขาวม้าในภาคอีสาน
ผ้าขาวม้า
ในภาคอีสานนั้นทุกกลุ่มชาติพันธุ์มีภูมิปัญญาการทอผ้าขาวม้าอยู่ทั่วไป เนื่องจากเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย ผ้าขาวม้าในภาคอีสานมักถูกทอด้วยเส้นใยฝ้ายในกรณีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และถูกทอด้วยเส้นใยไหมในกรณีที่ใช้ในงานพิธีการ
ชื่อเรียกผ้าขาวม้า
ชุมชนบางแห่งอาจเรียกผ้าขาวม้าว่า “แพร” ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มชาวภูไท (ผู้ไทย) จะเรียกผ้าขาวม้าตาตารางขนาดใหญ่สีดำและความสลับสีขาวว่า “แพรตาโล้” ซึ่งเป็นผ้าขาวม้าสำหรับผู้ชายที่ใช้นุ่งอาบน้ำ และมักม้วนชายผ้าลอดระหว่างขาไปเหน็บด้านหลังให้ทะมัดทะแมงเพื่อไม่ให้หลุดง่ายในยามที่ต้องการทํางาน ส่วนผ้าขาวม้าฝ้ายสำหรับผู้หญิงจะเรียกว่า “แพรตาหม่อง” หรือ “แพรตาละเลียง” ซึ่งเป็นผ้าขาวม้าตาตารางขนาดเล็กสีดำและครามสลับสีขาว เรียงกันถี่ๆ และผู้หญิงจะใช้ผ้าขาวม้านี้พันอกหรือเคียนอกไว้
ผ้าขาวม้าไหม
ผ้าขาวม้าไหมมักถูกออกแบบเป็นลายริ้วๆ คล้ายท้องปลาไหล ซึ่งทำให้ได้ชื่อ “แพรปลาไหล” หรือ “แพรไส้เอี่ยน” (เอี่ยน= ปลาไหล) บางชุมชนในภาคอีสานมีการทอผ้าขาวม้าไหมด้วยสีโทนม่วง (สีปะโด) และจะเรียกผ้าขาวม้าที่มีสีนี้ว่า “แพรสีปะโด” ผ้าขาวม้าไหมนี้มักนิยมใช้ในงานพิธีและเป็นหนึ่งในผ้าขอสัมมา (ผ้าไหว้) ในงานกินดอง (แต่งงาน)
วิธีการใช้งานผ้าขาวม้า
ผ้าขาวม้าในภาคอีสานและภูมิภาคทั้งหมดมีวิธีการใช้งานหลากหลาย นอกจากนั่งอาบน้ำและนั่งทํางานแทนกางเกงแล้ว ยังสามารถนำมาคล้องคอเป็นผ้าพันคอ, พันอกแทนเสื้อ, คาดเอวแทนเข็มขัด, มัดปลายห่อของสะพายแทนย่าม, พาดไหล่ไว้ปัดแมลง, กางบังแดดและฝน, และผูกอู่เป็นเปลนอน ผ้าขาวม้ามีความหลากหลายในการใช้งานอย่างแท้จริงและเป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันของคนในภาคอีสาน
สรุป
ผ้าขาวม้าเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมในภาคอีสาน ที่มีการใช้งานหลากหลายและเป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันของผู้คนในภูมิภาคนี้ โดยนอกจากการนำมาใช้เป็นเสื้อผ้าแทนกางเกงและเสื้อแล้วยังมีการใช้งานในงานพิธีต่างๆ
ขอบคุณแหล่งที่มา:หนังสือมรดกภูมิปัญญา สิ่งทออีสาน