ภาคอีสานของประเทศไทยเป็นภูมิภาคที่มีวัฒนธรรมและการแต่งกายที่หลากหลาย ในบทความนี้เราจะไปศึกษารูปแบบและลำดับการพาดผ้าเบี่ยงที่มีความเฉพาะในภาคอีสานรวมถึงประวัติหลักฐานของการพาดผ้าเบี่ยง
การพาดผ้าเบี่ยงในภาคอีสาน
หลักฐานการแต่งกายในภาคอีสานที่สามารถเห็นได้ชัดเจน คือ หลักฐานภาพถ่ายในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้เสด็จประพาสตรวจราชการในมณฑลอีสาน ซึ่งมีการนําเข้าเทคโนโลยีการถ่ายภาพเข้ามาใช้ในประเทศไทย ทําให้เราได้เห็นภาพการแต่งกายชาวอีสานกลุ่มต่างๆ อย่างชัดเจน เช่น กลุ่มชาวไท-ลาว กลุ่มชาวภูไท (ผู้ไทย) กลุ่มชาวไทญ้อ กลุ่มชาว ไท-แสก กลุ่มชาวไท-โส้ กลุ่มชาวไท-กะเลิง เป็นต้น
รูปแบบการพาดผ้าเบี่ยง
การเบี่ยงผ้าในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 มีหลายรูปแบบ ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักและอธิบายลำดับการพาดผ้าเบี่ยงในบริเวณภาคอีสานตอนบนแถบจังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีรูปแบบดังนี้
รูปแบบที่ 1 :
- พาดผ้าที่ไหล่ซ้าย ให้ผ้าห้อยลงมาด้านหน้า
- อ้อมชายผ้าไปด้านหลังลอดรักแร้
- แล้วพับมุมกลับจากระดับเอว
- แล้วพาดผ้าขึ้นไปเกยทับผ้าเบี่ยงที่พาดหัวไหล่ไว้ ปล่อยชายให้ทิ้งไปด้านหลัง
- ส่วนชายครุยของแพรเบี่ยงจะเคลื่อนส่ายไปมาตามจังหวัดการเคลื่อนตัว
รูปแบบที่ 2 :
- พาดที่ไหล่ซ้าย ให้ผ้าห้อยลงมาด้านหน้า
- อ้อมชายผ้าไปด้านหลังลอดรักแร้ (แต่ไม่ได้พาดผ้าขึ้นไปเกยทับผ้าเบี่ยงที่พาดหัวไหล่ไว้แบบชาวภูไทหรือไท-ลาว)
- แต่พาดย้อนกลับที่หัวไหล่ ปล่อยชายให้ทิ้งไปด้านหลัง
ทั้งนี้ ความแตกต่างในลำดับการเบี่ยงผ้าของกลุ่มชาวไทยเชื้อสายชาวกูยนั้น อาจเกิดจากคติความเชื่อที่เกี่ยวกับการถือผีปะกําในการเลี้ยงช้าง ซึ่งต้องศึกษาและสำรวจต่อไปในอนาคตเพื่อเข้าใจดีขึ้น
ผ้าแพรปลาไหล
ในบริเวณภาคอีสานตอนล่างนั้น กลุ่มชาวไทยเชื้อสายกูย (ส่วย) และเชื้อสายเขมร เป็นแหล่งภูมิปัญญาการใช้ “ผ้าแพรปลาไหล” หรือ “แพรไส้เอี่ยน” ซึ่งมีโครงสร้างลวดลายเป็นลายริ้วเล็กๆ และมีลายตารางคล้ายผ้าขาวม้า โดยนิยมทอเชิงลายขิด ซึ่งเป็นผ้าที่ทอด้วยเส้นใยไหมจึงนิยมใช้ในงานพิธีกรรม แต่ต่างจากผ้าข้าวม้าและผ้าฝ้ายที่ใช้สอยในชีวิตประจำวัน และสิ่งที่น่าสนใจคือแบบวิธีการพาดเบี่ยงผ้าแพรปลาไหลของชาวกูย (ส่วย) นั้นพบว่ามีรูปแบบที่แตกต่างจากกลุ่มอื่นๆ โดยพาดที่ไหล่ซ้าย ให้ผ้าห้อยลงมาด้านหน้าแล้วอ้อมชายผ้าไปด้านหลังลอดรักแร้ (แต่ไม่ได้พาดผ้าขึ้นไปเกยทับผ้าเบี่ยงที่พาดหัวไหล่ไว้แบบชาวภูไทหรือไท-ลาว) แต่พาดย้อนกลับที่หัวไหล่ ปล่อยชายให้ทิ้งไปด้านหลัง
ขอบคุณแหล่งที่มา:หนังสือมรดกภูมิปัญญา สิ่งทออีสาน