วิธีการดูแลรักษาผ้าไหม

นับตั้งแต่อดีต ผู้สวมใส่ผ้าไหมไทยส่วนใหญ่จะนุ่งผ้าซิ่น ห่มผ้า บ้างก็พาดบ่า และใช้ผ้าไหมทั้งในชีวิตประจําวันและงานในพิธีการ มีภูมิปัญญาการดูแลทำความสะอาดผ้าไหมไทยสืบต่อกันเรื่อยมา จนในปัจจุบันก็ยังคงมีการใช้ภูมิปัญญาดั่งกล่าวในบางท้องถิ่น ซึ่งก็คือ การซักผ้าไหมด้วยน้ำมะพร้าว และลบรอยเปื้อนโดยใช้หัวหอมถูที่รอยเปื้อนก่อนจะนําไปซัก แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการนําผ้าไหมมาตัดเย็บเป็นเครื่องแต่งกายสมัยใหม่ แต่ชุดผ้าไหมก็ยังคงต้องการดูแลทําความสะอาดก่อนเสมอ

ข้อแนะนำเบื้องต้นและวิธีการซัก

เมื่อได้สั่งซื้อผ้าไหมมาใหม่ สิ่งที่คุณผู้อ่านควรทำก่อนเบื้องต้นคือการทำความสะอาดเพื่อล้างขจัดสิ่งสกปรกและสารสีที่ตกค้างอยู่บนผ้าไหม โดย กดผ้าไหมให้จมน้ำและซักเบาๆ ในน้ำสะอาดผสมเกลือ ผ้าไหมจากบางร้านมีการซักและตกแต่งสําเร็จหรือที่เราบางคนเรียกว่า อาบน้ำยามาเรียบร้อยแล้ว จึงไม่จําเป็นต้องซักทําความสะอาดก่อน สามารถนำไปตัดเย็บได้เลย

สำหรับวิธีการซักผ้าไหมก็เช่นเดียวกับการซักผ้าทั่วไปที่ควรแยกผ้าสีเข้มและสีอ่อนหรือสีขาวซักคนละครั้ง และก่อนนําผ้าลงซักทุกครั้งต้องให้แน่ใจก่อนว่า น้ำยาซักผ้าละลายน้ำดีทั่วแล้ว นอกจากนี้ต้องล้างฟองให้สะอาดไม่ให้มีสบู่ น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกตกค้าง เพราะจะทําให้เกิดสีเหลืองหม่นบนผ้าได้

ข้อควรระวังเพิ่มเติม

สําหรับผ้าไหมมีข้อควรระวังเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ได้แก่

  • ไม่ใช้น้ำร้อนหรือน้ำอุ่นซักผ้าไหม เพราะมีผลทําให้เส้นไหมหดตัวและเกิดรอยย่นได้
  • ไม่แช่ผ้าไหมทิ้งไว้ในน้ำยาซักผ้านานๆ
  • ห้ามใช้แปรงขัดถูผ้าไหมและไม่บิดผ้าเป็นเกลียว แต่ใช้วิธีค่อยๆ บีบไล่น้ําออกแทน
  • ควรรีบซักล้างโดยขยี้เบาๆ และบีบน้ำออกเมื่อซักเสร็จแล้วนําขึ้นผึ่งให้แห้ง

เมื่อทำตามข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยให้รักษาคุณสมบัติของผ้าไหมได้ ซึ่งได้แก่ สีสัน ความอ่อนนุ่มเงางามและความคงตัวของเนื้อผ้า

การกําจัดรอยเปื้อนบนผ้าไหมก่อนซัก

ก่อนจะลบรอยเปื้อนใดๆ ให้ทดสอบน้ำยาลบรอยเปื้อนก่อนและไม่ควรใช้น้ํายาที่ทําให้สีผ้าเปลี่ยน สําหรับการลดรอยเปื้อนบนผ้าไหมด้วยสารธรรมชาติที่ได้ผลดีก็คือ เช็ดรอยเปื้อนด้วยน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว หรือน้ําส้มสายชู 1 ส่วนกับน้ำสะอาด 1 ส่วน หลังจากเช็ดรอยเปื้อนแล้วให้ล้างน้ำให้สะอาดและนําไปผึ่งให้แห้ง

เกร็ดความรู้หลังจากทำความสะอาดผ้าไหม

หลังจากซักทำความสะอาดผ้าไหมแล้วให้แช่ผ้าไหมจมทั่วทั้งผืนด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูกลั่นนาน 1-2 นาที โดนผสมน้ำสายชูประมาณ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำสะอาด 12 ลิตร หลังจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสะอาดและบีบเบาๆ เพื่อไล่น้ำออก จากนั้นนำไปผึ่งให้แห้งในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเท บางคนที่ชอบกลิ่นหอมและต้องการให้เนื้อผ้านุ่มมีน้ำหนัก อาจจะแช่ผ้าไหมในน้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาปรับสภาพผ้าไหม หรือน้ำมันทาผิวสำหรับเด็กอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนที่จะนำไปผึ่งให้แห้ง

การซักรีดผ้าไหม

โดยทั่วไปมักนิยมซักแห้งชุดผ้าไหมตามป้ายระบุ “dry cleaning only” แต่หากต้องการหลีกเลี่ยงสารซักแห้ง สามารถซักรีดเองได้ทั้งซักด้วยมือและซักด้วยเครื่อง การเข้าใจธรรมชาติของผ้าไหมจะทําให้หลีกเลี่ยงข้อควรระวังและทําความสะอาดผ้าไหมได้ดี

น้ำยาสำหรับซักผ้าไหม

สบู่อาบน้ำเด็กไม่ว่าสบู่เหลวหรือสบู่ก้อนเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการซักผ้าไหม แชมพูหรือน้ำยาอเนกประสงค์ชนิดที่มีฤทธิ์เป็นกลางหรือเป็นกรดอ่อนๆ ก็ใช้ในการซักผ้าไหมได้ดีเช่นกัน แต่ไม่ควรใช้ผงซักฟอกและห้ามใช้น้ำยาฟอกขาว ปัจจุบันผงซักฟอกเกือบทุกชนิดมีฤทธิ์ขจัดคราบสกปรกสูงและเป็นด่างมาก ซึ่งอาจทำลายเส้นไหมเช่นเดียวกับการล้างคราบสกปรกที่ติดแน่น ปกติสามารถใช้น้ำยาฟอกขาวได้ แต่สำหรับผ้าไหมห้ามใช้น้ำยาฟอกขาวไม่ว่าจะต้องการล้างคราบสกปรกมากแค่ไหน เพราะน้ำยาฟอกขาวอาจทำให้ความเงางามของผ้าไหมลดลงและเส้นไหมเปื่อยได้

ขอบคุณแห่งที่มา: กรมหม่อนไหม เฉลิมพระเกียรติฯ

อ้างอิง:https://www.chobmai.com/article/153/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1